
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เทรนด์การลาออกจากงานประจำของคนรุ่นใหม่เกิดขึ้นอย่างแพร่หลาย ไม่ว่าจะเป็นคนอายุ 20 ปลาย ๆ หรือวัยทำงานช่วงต้น 30 หลายคนตัดสินใจเปลี่ยนเส้นทางชีวิตจากงานประจำที่มั่นคงไปสู่เส้นทางที่ดูไม่แน่นอน เช่น การเป็นฟรีแลนซ์ การทำธุรกิจส่วนตัว หรือแม้กระทั่งเลือกหยุดพักจากการทำงานเพื่อทบทวนเป้าหมายชีวิต
พฤติกรรมนี้ไม่ได้เกิดขึ้นเพราะความเอาแต่ใจ หรือไม่อดทนตามคำกล่าวหาของบางคน แต่มันสะท้อนถึงความเปลี่ยนแปลงของโลกยุคใหม่ และมุมมองที่ต่างออกไปจากคนรุ่นก่อน แรงผลักดันหลักที่ทำให้คนรุ่นใหม่อยากออกจากงานประจำมักเริ่มจากความรู้สึกว่า “ชีวิตต้องมีอะไรมากกว่าการนั่งทำงาน 9 โมงถึง 5 โมงเย็น” คนรุ่นใหม่นิยมความยืดหยุ่น มีความใฝ่ฝันที่อยากทำในสิ่งที่รัก มีความสุขกับชีวิต ไม่ยอมแลกสุขภาพและเวลาครอบครัวกับค่าตอบแทนที่ไม่คุ้มค่า ซึ่งทั้งหมดนี้คือมิติใหม่ของความสำเร็จที่พวกเขาให้ความสำคัญมากกว่าตำแหน่งหน้าที่หรือชื่อเสียง
นอกจากนี้ ความก้าวหน้าของเทคโนโลยีทำให้โอกาสในการหารายได้มีหลากหลายมากขึ้น ไม่จำกัดอยู่แค่ในออฟฟิศอีกต่อไป คนรุ่นใหม่สามารถสร้างรายได้จากออนไลน์ เช่น ขายสินค้า ทำคอนเทนต์ รับงานอิสระ หรือแม้แต่ทำงานจากที่ใดก็ได้ในโลก ความยืดหยุ่นและอิสระทางเวลาเหล่านี้กลายเป็นปัจจัยสำคัญที่ดึงดูดใจคนรุ่นใหม่ให้กล้าก้าวออกจากระบบงานประจำ
อีกหนึ่งเหตุผลที่น่าสนใจคือวัฒนธรรมองค์กรที่ล้าสมัย หลายที่ยังคงยึดติดกับโครงสร้างบนลงล่าง ระบบอาวุโส หรือบรรยากาศที่กดดันโดยไม่เปิดโอกาสให้แสดงความคิดเห็น เมื่อคนรุ่นใหม่ที่เติบโตมากับการเรียนรู้แบบเปิดกว้าง และคุ้นชินกับการตั้งคำถามได้เข้ามาอยู่ในสภาพแวดล้อมเช่นนั้น จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่พวกเขาจะรู้สึกไม่สบายใจและเลือกออก รวมถึงประเด็นเรื่องสุขภาพจิต ซึ่งคนยุคนี้ให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก หากงานกระทบต่อสุขภาพกายและใจจนเกิดภาวะหมดไฟ (Burnout) ความเครียด หรือความวิตกกังวลเรื้อรัง การตัดสินใจลาออกจึงกลายเป็นทางเลือกที่พวกเขาไม่ลังเล
นอกจากนี้ สถานการณ์โลกที่เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว เช่น วิกฤตโควิด-19 ก็ยิ่งผลักให้คนจำนวนมากหันกลับมาทบทวนชีวิต ความมั่นคงที่เคยเชื่อมั่นว่ามี กลับกลายเป็นสิ่งไม่แน่นอน คนรุ่นใหม่จำนวนไม่น้อยจึงหันมาให้คุณค่ากับเวลาและอิสระในการใช้ชีวิตมากกว่าความมั่นคงในรูปแบบเดิม
สรุปมุมมองใหม่ ทำไมคนรุ่นใหม่เลือกเดินออกจากงานประจำ
เมื่อโลกเปลี่ยน คนก็เปลี่ยนตาม คนรุ่นใหม่เลือกลาออกจากงานประจำไม่ใช่เพราะขาดความรับผิดชอบ แต่เพราะพวกเขาเห็นคุณค่าของชีวิตในมิติที่ลึกขึ้น ต้องการสมดุลระหว่างงานกับชีวิตส่วนตัว และกล้าที่จะเลือกเส้นทางที่ตอบโจทย์ตัวเองมากที่สุด การเข้าใจเหตุผลเหล่านี้จึงสำคัญอย่างยิ่ง ทั้งสำหรับองค์กรที่ต้องปรับตัว และสำหรับใครก็ตามที่ยังตั้งคำถามกับตัวเองว่า “อยู่ต่อ หรือไปต่อดี?”